Skip to main content

ถ้าเธอติ่ง GOT7 ฉันก็คงติ่งนักวิทยาศาสตร์

ถ้าเธอติ่ง GOT7 ฉันก็คงติ่งนักวิทยาศาสตร์

.

รูปนี้เป็นงานประชุมเมื่อปลายมีนาที่ผ่าน

ซึ่งฉันอยู่ในรูป? เปล่าเลยยยย เข้าแบบออนไลน์แงงงง

แต่เป็นงานที่ฟินมาก เหมือนนักวิทยาศาสตร์รุ่นเก๋ามารวมตัวกัน

เหมือนไปฟังคุณปู่ คุณตาเล่าเรื่อง

ดีดไม่ต้องหลับต้องนอนกันไปเลย

.

ในความกรี๊ดกร๊าดในผลงานว่า “เค้าค้นพบอะไร”

สิ่งที่น่าทึ่งกว่าคือ “คิดมาได้ไง”

.

ถ้าถามว่าอยากได้อะไรที่สุดในการเรียน ป เอก

คำตอบอย่างเดียวเลย “เป็น Philosopehr”

หรือง่ายๆก็คือ “Thinker”

แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มาง่ายๆแฮะ

.

วิธีคิดทางวิทยาศาตร์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างนึง

เราเองพร่ำถามคำถามนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มรู้จักวิทยาศาสตร์

เริ่มตั้งแต่ตอนมีข่าวนักวิจัยหญิงจากญี่ปุ่นคนนึง

ตอนนั้นดังมากใช้ชุดเมดเป็นชุดแลปเก๋ๆ

แต่สุดท้ายก็มีข่าวออกมาว่างานนั้นลวงโลก

PI ฆ่าตัวตาย แถมด้วยนักวิจัยคนนั้นผันตัวเข้าวงการ AV

.

ตอนเรียน ป เอก อาจารย์ที่ปรึกษา

เคยตีพิมพ์ Nature Letter

ก็สงสัยมาตลอดว่า อาจารย์ทำยังไงถึงคิดได้อย่างนี้

ตอนนั้นพอมีช่วงว่าง ถึงขั้นปริ้นเปเปอร์ของ อ ทั้งหมดมาอ่าน

เป็นรีมเลย แต่สุดท้ายก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

.

วิธีคิดทางวิทยาศาสตร์มันซับซ้อน

และแตกต่างจากกระบวนอย่างชัดเจนของตัวมันอยู่มาก

ทั้งที่เราวางแผนการทดลองอย่างเป็นเหตุเป็นผล

มีลำดับขั้นที่ชัดเจนราวกับช่วงที่มีแสงส่องทางอย่าง DAY SCIENCE

แต่ลำดับความคิดนั้นกว่าจะตกผลึกได้

กลับเต็มไปด้วยความสับสน ลังเล

หมุนวนอยู่ในหัวตลอดทั้งคืนหรือ NIGHT SCIENCE

.

Night Science ถูกพูดถึงครั้งแรกโดย François Jacob (Noble 1965)

และถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งโดย Itai Yanai และเพื่อน

เค้ามี podcast ที่เชิญนักวิจัยดังๆมาคุยเรื่องนี้ด้วยนะ

แต่เรื่องการคิดมันซับซ้อนเกินกว่าจะเรียกว่า How to

.

สิ่งหนึ่งที่พัฒนากระบวนการคิดได้มาก

ก็คือการแก้ปัญหาจริงๆ นั่นก็คือทำวิจัยนั่นแหละ

และที่สำคัญคือทิศทางการวิจัย

ซึ่งเรื่องนี้ scientific lineage สำคัญมาก

(เคยเขียนไว้ในบทความก่อนๆ)

.

การจะคิดได้ดูเหมือนจะซับซ้อน

การได้กระทบไหล่ ฟังผลงาน มีโอกาสถามคำถาม

คือสิ่งที่กระตุกต่อมคิดได้ชั้นเลิศ

เอาทุกอย่างกลับมายำรวมกัน (แบบมีหลักการ)

แล้วใช้จริงกับงานวิจัยตรงหน้า

.

การได้ฟังเรื่องเล่า รู้จักการค้นพบ

ได้เล่ามันออกจากความที่ว่าเราอินจริงๆ

เหมือนที่อาจารย์ปรึกษาชอบทำ 5555

มันคือการสร้างแรงบันดาลใจอย่างนึง

.

มีคำกล่าวว่า

ครูที่ดีสอน

ครูที่ดีขึ้น ยกตัวอย่าง

สุดยอดครู สร้างแรงบันดาลใจ

.

คงจะดีกว่าเมากันในวงการวิทย์คือ

เล่าให้คนนอกวงการฟังแล้วเค้าฟินไปด้วย

ถ้าได้ไปฟังเจ้าของรางวัลโนเบลตัวเป็นๆ

คงจะฟินมาก คงจะเตรียมตัวโดยขุดอ่าน

งานของเค้าจนตาเปียกตาแฉะ

รวมไปถึงบริบทการค้นพบ สิ่งที่ขาด

สิ่งที่การค้นพบนี้าเติมเต็ม

.

และนี่คือที่มาของการสมัครงานประชุมลินเดา

เยอรมันจะเรียกหามั้ยไม่รู้

รู้แต่หัดภาษาเยอรมันมาสักพักละ 5555

ภาพจาก Cancer Genetics: History and Consequences

จัดโดย Cold Spring Harbor Laboratory

.

ตอนอื่นๆ ของการบุกดงวิจัยที่เคยเขียนไว้
ตอนที่ 0:  สะเปะสะปะกว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัย 
ตอนที่ 1: ค่ายไม่เล็กที่มีแต่ผู้ใหญ่ใจดีปูทางเด็กบ้านนอกสู่เส้นทางวิจัย
ตอนที่ 2: ตรึงใจเด็ก ม.ปลาย เปิดโลกวิจัยที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
ตอนที่ 3: ตะลุยดงวิจัย ทำไมวิจัยมีมะเร็งมีหลายแบบจัง
ตอนที่ 4: รู้จักมะเร็งแบบเหนือชั้น เหนือพันธุกรรมคืออะไร 
ตอนที่ 5: เมื่อฉันรักวิทยาศาสตร์ อย่างที่ไม่สนมะรงมะเร็งอะไรทั้งนั้น

Comments

Popular posts from this blog

งานประชุมวิชาการที่บ้าบอและเกรียนที่สุดในโลก

งานประชุมวิชาการที่บ้าบอและเกรียนที่สุดในโลก 5555  คือดู hashtag ที่เค้าใช้   #TheConferenceToEndAllConferences   "งานประชุมที่สับจบทุกงานประชุม"   เปรี้ยวจ๊าดดดดด  (ลองตามใน X/BlueSky ดู  อันนี้ด้วย  #TCTeAC ) ชื่องานจริงๆคือ  Woodstock.Bio 2 + Night Science ตอนแรกตาม X ของ Prof. Rechavi กับ Prof. Yanai แล้วคือ Hashtag นี่ conference นะ แต่ภาพคือคนดีดกีต้าบนเวทีนี่คอนเสิร์ตหรืออิหยัง แปะโปสเตอร์กันกลางป่ากันไปอีก มันจ๊าบมากกกก    ล่าสุดนี่ Nature Career เพิ่งเอามาเล่า (แต่ภาพจ๊าบๆไปตาม hashtag ใน X ได้อีกนะ)  งานนี้รวมทุกสาขาวิชาความว่าตั้งแต่ ชีววิทยาลามไปยัน ฟิสิกส์  รวมตั้งแต่ระดับ นศ ป เอก จนระดับศาสตราจารย์เลย   

💊 โรงงานยามะเร็งไร้ขอบเขต 🏯✨

 💊 โรงงานยาไร้ขอบเขต 🏯✨  เภสัชก็ต้องเรียนออกแบบผัง… แต่ใช้ AutoCAD ไม่เป็นเหมือนกัน 555  การออกแบบผังโรงงานยาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โรงงานยาปกติก็ต้องวาง flow ให้ซับซ้อนเพื่อจัด โซนความสะอาด (cleanroom grade) ให้ถูกต้องอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็น ยาเคมีบำบัด (chemotherapy drugs) ความยากก็เพิ่มขึ้น เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยผู้ทำงาน (worker safety) และการป้องกันสารอันตรายไม่ให้เล็ดลอด และถ้ายาเป็น ชีววัตถุ (biologics) อีกที? ต้องคิดเรื่อง ความปลอดภัยทางชีวภาพ (biosafety) เข้าไปอีกชั้น ซับซ้อนจนเหมือนเดินอยู่ใน Infinity Castle — เข้าได้แต่หาทางออกไม่เจอ 😅 💡 ตอนเรียนปีนั้น แอดก็เคยต้องทำผังโรงงานยา เพื่อนบางคนได้โรงงานยาธรรมดา เช่น ยาพารา → ชิล ๆ 😌 แต่กลุ่มแอดดันได้โรงงานผลิต ยาเคมีบำบัด เพื่อนส่ายหัวกับหนังสือกองเต็มโต๊ะ 📚 มีเพื่อนสนิทได้ โรงงานผลิต วัคซีน → เจอทั้งแบบแปลน (design) + กฎหมายข้อบังคับ (regulations) เยอะมาก จำได้ว่าโรงงานที่เพื่อนวาด ถูกทุกกฎ จนอาจารย์คอมเมนต์แค่ว่า “เข้าได้ แต่เหมือนเขาวงกต ออกไม่ได้” 🤣 🚪 พอไปฝึกงานจริงที่โรงงานผ...

กระทบไหล่เจ้าของรางวัลโนเบลครั้งนึง ติดใจตลอดไปปปป (Prof.Ada Yonath)

กระทบไหล่เจ้าของรางวัลโนเบลครั้งนึง ติดใจตลอดไปปปป Prof. Ada เจ้าของรางวัลโนเบลเคมี ปี 2009 จากการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของไรโบโซม ตอนนั้นเรียน Medicinal Chemistry เพิ่งจบไป (นักศึกษาเภสัชต้องเรียนโครงการยาด้วยยยย)  ปิดเทอมปุ๊บลั้ลลาแลปนู้นนี่ เข้าประชุทวิชาการปั๊บ เจอเลยจ้าาาา   ไปนั่งฟัง Prof. คือแบบชัดเลยว่ายามันมุดเข้าซอกไหนของโปรตีน ไปทำให้เซลล์แบคทีเดียเดี้ยงได้ยังไง คือมันจะมียากลุ่มที่ฆ่าแบคทีเรีย (ยาฆ่าเชื้อ) กลุ่มที่ไปจัดการไรโบโซมของแบคทีเรีย (ไรโบโซมคนกับแบคทีเรียไม่เหมือนกันนะ) นั่นแหละจ้าาาา ที่เรียนมาคือเห็นภาพพพพ   คือ Prof. พรีเซ็นเป็นคลิปสวยๆเลย   ด้วยความดีด กลับมหาลัยไป เดินไปก่อกวน อ ที่สอน MedChem เรื่องนั้นอีก อิอิ ว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจมากกกกกก ps. ฟัง Prof. Ada มาหลายรอบ สิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยนคืออายุหลานสาว Prof ที่นังเด็กเสมอ บางทีก็แอบคิดว่าหลาน Prof อาจจะๆไล่เลี่ยกับเรา #NobelPrize #ScienceEducation #MedicinalChemistry #Ribosomes #Inspiration #AcademicLife #RealWorldLearning