เมื่อชีวประวัติของนักวิจัยรางวัลโนเบล เปลี่ยนความคิดเรื่องงานวิจัยและบริษัทในหัวของฉันไปอย่างสิ้นเชิง . เมื่อไม่นานมานี้ โดนถามคำถามว่า งานบริษัทอาจจะมีส่วนที่จำเจ ไม่ได้ผาดโผน เท่างานวิจัยในแวดวงการศึกษา จะยังสนใจอยู่มั้ย . เรื่องราวของเจ้าของรางวัลโนเบล ที่ค้นพบ G-protein-coupled receptors (GPCRs) เค้าคือ Kobilka และ Lefkowitz . เล่าก่อนว่า GPCRs คือ กลุ่มของ receptor ที่เป็นเป้าหมายของยาเยอะมากกกกกกกกกกกก คือ 40% ของยาตอนนี้ มีเป้าหมายคือ GPCR . Receptor ที่จัดอยู่ในกลุ่ม GPCR เช่น beta adrenergic receptors, Histamine receptor, Muscarinic receptor, Dopamine D2 receptor นี่ถ้าเป็นสายสาธารณสุขมาอ่านคือคุ้นๆกันแล้วใช่ป่าว . มันคือเป้าหมายการออกฤทธิ์ของยาหอบหืด ยาลดความดัน ยาแก้แพ้ ยาจิตเวช แล้วนี่คือส่วนหนึ่ง คือเยอะมากกกกกกกก . ที่จะบอกคือการค้นพบ GPCR ถูกต่อยอดเป็นยาได้เยอะชนิด และกว้างขวางสำหรับหลายโรคมาก . ระหว่างที่นั่งฟังบรรยายของโนเบลวันนั้น (น่าจะเป็น talk ของ Kobilka) ก็เลยนึกสงสัยขึ้นมาว่า Prof.คนนี้แกมีชีวประวัติยังไงกันนะ นั่งวิจัยจนหัวฟูแล้วค้บพบอะไรจ๊าบๆหรือยังไง . ปรากฏ...
คนนี้อ่ะเป็นหมอทางเดินอาหาร ที่ซดแบคทีเรียจนได้รางวัลโนเบล ศาสตราจารย์ แบร์รี เจ. มาร์แชล (Barry J. Marshall) คือคนพบ H. Pyroli แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร โดยการพิสูจน์คือกินเองจ้าาา สุดดดดด กินเสร็จปวดท้องรุนแรงเลย กินเองรักษาเองเสร็จสรรพ การค้นพบนี้มันเปลี่ยนโลก นี่คือที่มาของ triple therapy ที่รักษากระเพาะอาหาร คือยาฆ่าเชื้อ + พวกลดกรด แต่ก่อนมีแต่ลดกรด ก็รักษากันไม่หายไม่จบไม่สิ้น พอมาเจอว่าเพราะเชื้อแบคทีเรียเป็นต้นเหตุได้ด้วย ก็ฟาดทีเดียว สาดยาฆ่าเชื้อให้สิ้นซาก หายกันไปเลยยยยจ้าาา ขอบคุณภาพจาก Nobel Prize #โรคกระเพาะ #เชื้อเอชไพโลไร #หมอกินเชื้อพิสูจน์เอง #โนเบลไพรซ์ #TripleTherapy #ยาฆ่าเชื้อบวกยาลดกรด #NoCancerThailand